news

คนพิการเฮ! “กสทช.” ออกแพ็กเกจเน็ตมือถือให้คนพิการใช้ฟรี 1.1 ล้านสิทธิ ลงทะเบียนก่อนได้ก่อน

กสทช. ร่วมกับ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) จัดทำโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับคนพิการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีและช่วยอำนวยความสะดวก นายต่อพงศ์ เสลานนท์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. ในฐานะองค์กรกำกับดูแลมีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนประชาชนทุกกลุ่มให้สามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน ได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการ ซึ่งต้องใช้โทรศัพท์มือถือในการดำเนินชีวิตเหมือนบุคคลทั่วไป จึงได้ร่วมกับ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) จัดทำโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับคนพิการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีและช่วยอำนวยความสะดวก ในการดำเนินชีวิต พร้อมสร้างโอกาสและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งปัจจุบันการใช้เครื่องมือสำหรับการสื่อสาร หรือช่วยเหลือการใช้ชีวิตประจำวันสำหรับคนพิการมีความจำเป็นสูง โครงการนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับคนพิการได้ในระดับหนึ่ง ด้าน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว จะช่วยให้คนพิการสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่มีประสิทธิภาพ โดยคนพิการที่มีสิทธิลงทะเบียน ต้องเป็นคนพิการที่ขึ้นทะเบียนมีบัตรประจำตัวคนพิการในฐานข้อมูลของ พก. ซึ่งบัตรต้องไม่หมดอายุ และมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยสิทธิที่จะได้รับ ได้แก่ อินเทอร์เน็ตโทรศัพท์มือถือความเร็ว 20 เมก ไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน แต่ไม่รวมใช้งานการโทร จำนวน 1,100,000 สิทธิ สามารถใช้งานได้ถึงวันที่ 31 ก.ค. 68 สำหรับผู้มีสิทธิสามารถลงทะเบียนรับสิทธิได้ที่ https://sim-disabled.nbtc.go.th ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธ.ค. 67 ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิก่อน โดยซิมจะจัดส่งทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ลงทะเบียน ในรูปแบบซิมใหม่เบอร์ใหม่ เพื่อนำไปใช้เป็นซิมเสริม หรือหากประสงค์ใช้เบอร์เดิม ต้องทำการย้ายค่าย กด *151*เลขบัตรประชาชน# แล้วกดโทรออก แล้วสมัครผ่านเว็บไซต์ โดยสามารถสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ สำนักงาน กสทช. โทร. 1200 (โทรฟรี) และสายด่วน พก. โทร. 1300...

ข่าวดี! ครม. เคาะเกณฑ์เพิ่ม “เบี้ยผู้สูงอายุ-คนพิการ“ สั่ง พม. เร่งดำเนินการ

29 พ.ย. 2567 – นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จ.เชียงใหม่ ว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบข้อเสนอเรื่องการพัฒนาหลักประกันบริการทางสังคมแก่กลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยกลุ่มผู้สูงอายุปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อายุ 60 – 69 ปี เป็นเดือนละ 700 บาท จาก 600 บาท อายุ 70 – 79 ปี เดือนละ 850 จาก 700 บาท อายุ 80 – 89 ปี เดือนละ 1,000 บาท จาก 800 บาท และอายุ 90 ปีขึ้นไป เดือนละ 1,250 บาท จาก 1,000 บาท ขณะที่กลุ่มผู้พิการปรับเพิ่มเป็น 1,000 บาท จาก 800 บาท โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการให้คำนึงถึงประโยชน์และความคุ้มค่า และให้นำกลับเข้าที่ประชุม ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง

“คปภ. เพื่อสังคม”ลงพื้นที่ต่อเนื่องนำระบบประกันภัยส่งต่อถึงมือ“ผู้พิการ”กลุ่มผู้เปราะบางทางการเงิน

นายชูฉัตร ประมูลผลเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.)ลงพื้นที่ร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทยสมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน และสมาคมนายหน้าประกันภัยไทยเพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องการประกันภัยภายใต้โครงการ“คปภ. เพื่อสังคม” สังคมผู้เปราะบางทางการเงินเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567ณ สมาคมศูนย์การเรียนรู้คนพิการ บ้านแม่นก เขตสายไหมกรุงเทพฯ พร้อมบันทึกเทปโทรทัศน์เพื่อเผยแพร่เรื่องราวผ่านรายการ คปภ. เพื่อสังคม ทางทีวีดิจิทัล(อมรินทร์ทีวี HD ช่อง 34)โดยมุ่งหวังให้ประชาชนผู้รับชมรายการได้รับความรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัย สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากการลงพื้นที่ “คปภ. เพื่อสังคม” สังคมอุดมศึกษา เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ณ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) และในการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อนำเสนอสภาพความเป็นอยู่ของคนในกลุ่มผู้เปราะบางทางการเงิน ความเสี่ยงภัย และการบริหารความเสี่ยงด้วยการประกันภัย ซึ่งกลุ่มคนพิการเป็นอีกกลุ่มคนหนึ่งที่สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทั้งนี้จากข้อมูล ปี 2567 ประเทศไทยมีจำนวนประชากร มากกว่า 66 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้พิการถึงประมาณ4.19 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ6 ของจำนวนประชากร ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีจำนวนมากพอสมควรด้วยความพิการของร่างกาย จึงทำให้โอกาสในการศึกษาและการประกอบอาชีพของคนพิการมีน้อยกว่าคนปกติทั่วไป โดยเห็นได้จากตัวเลขของคนพิการในวัยทำงาน(อายุ 15- 60 ปี) ที่ลงทะเบียนคนพิการไว้ ประมาณ 850,000 คนประกอบอาชีพไม่ถึง 2 แสนคนเท่านั้น หรือคิดเป็นร้อยละ 22.82เท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่ได้ประกอบอาชีพร้อยละ 48.68 และพิการมากไม่สามารถประกอบอาชีพได้ร้อยละ 25.20 (ไม่ประสงค์ให้ข้อมูลด้านอาชีพ ร้อยละ 3.30%จึงทำให้กลุ่มคนพิการส่วนมากเป็นกลุ่มผู้ที่มีความเปราะบางทางการเงิน สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมความรู้และสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนสามารถใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการส่วนมากเป็นกลุ่มผู้ที่มีความเปราะบางทางการเงินรวมถึงความเสี่ยงที่สังคมกลุ่มนี้ได้รับจะเป็นอย่างไร นอกจากผู้พิการแล้ว อาจรวมถึงผู้ปกครอง หรือคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ความดูแลผู้พิการด้วย เนื่องด้วยภาระค่าใช้จ่ายในการดูแล และการรักษาพยาบาล ทำให้ประชาชนกลุ่มนี้จำเป็นต้องสร้างความมั่นคงทางการเงิน ต้องได้รับการบริหารความเสี่ยงจากการประกันภัยที่เหมาะสม รวมทั้งการมีอาชีพเพื่อหารายได้เก็บสะสมไว้เพื่อการเลี้ยงดูบุตร และสิ่งสำคัญที่สุด คือ การส่งต่อมรดก เพื่อให้ในวันที่เขาไม่อยู่ ลูกๆ ผู้มีความพิการยังมีทุนสำหรับการดำรงชีวิตต่อไปได้ ทั้งนี้ ได้มีเวทีเสวนาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของบ้านแม่นก ซึ่งเป็นการสะท้อนมุมเล็กๆในสังคมของคนพิการที่อาจจะไม่ได้รับรู้เลยในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป แต่สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กพิการ นี่เป็นการถ่ายทอดครั้งสำคัญที่จะส่งต่อพลังบวกให้พวกเขายังสู้ต่อไป โดยส่งต่อทั้งความรู้ในการดูแลและฟื้นฟูลูก ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากแม่นกและพ่อแม่คนอื่นๆ ได้ความรู้จากศาสตร์การดูแลเด็กพิการของญี่ปุ่นที่สามารถมาประยุกต์ใช้ในการดูแลเด็กได้ และที่สำคัญคือ การใช้ประกันภัยเป็นเครื่องมือดูแลค่าใช้จ่ายและสร้างงานสร้างอาชีพให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง เพื่อจะได้มีเวลามาดูแลลูก โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร ประกอบด้วย นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค นายจรุง เชื้อจินดา รองผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทยดร.พงษ์ภาณุ ดำรงศิริ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย นางประภาพร ลิขสิทธิ์ นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินนายจิตวุฒิ ศศิบุตร นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย และนางสาวเสาวภา ธีระปรีชากุล นายกสมาคมศูนย์การเรียนรู้คนพิการ บ้านแม่นกโดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจประกันภัยเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) เพื่อมอบเงินสำหรับจัดทำเก้าอี้นั่งสำหรับประคองตัวผู้พิการอีกด้วย เลขาธิการ คปภ. กล่าวทิ้งท้ายว่ารายการ “คปภ. เพื่อสังคม”จะนำเสนอกลุ่มคนในสังคมที่มีการดำเนินชีวิต สภาพความเสี่ยงที่แตกต่าง และการประกันภัยสามารถช่วยเหลือผู้คนในทุกกลุ่มของสังคมเพื่อบริหารความเสี่ยง และสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประชาชนได้อย่างเป็นระบบอย่างแท้จริง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้รับชมรายการนี้จะได้รับประโยชน์ในการบริหารความเสี่ยงในมิติต่าง ๆ อย่างแน่นอน

รองปลัดเปา นั่งหัวโต๊ะ รับข้อเสนอสมาคมฯ เตรียมพร้อมพัฒนาทักษะให้คนพิการและครอบครัว

นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เผยผลหารือร่วมสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย พร้อมรับข้อเสนอการพัฒนาฝีมือแรงงานให้แก่คนพิการทางสายตา มีแผนในปี 2568 พัฒนาทักษะให้คนพิการและครอบครัว จำนวน 600 คน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ได้หารือร่วมกับนายเอกกมล แพทยานันท์ นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย และคณะ เพื่อหาแนวทางการพัฒนาฝีมือแรงงานให้แก่คนพิการทางสายตา โดยขอให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมกับสมาคมในการพัฒนาหรือจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อคนพิการทางสายตา การรับรองหลักสูตรการฝึกอบรมของกลุ่มผู้พิการทางสายตาเพื่อใช้ประกอบการยื่นขอรับการสนับสนุนการฝึกอบรมจากหน่วยงานภาครัฐอื่นที่มีภารกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนคนพิการ รวมถึงดำเนินการจัดอบรมทักษะอาชีพให้แก่ผู้พิการทางสายตา เพื่อเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นและเพิ่มโอกาสการจ้างงานที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอาชีพและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้พิการทางสายตา สำหรับหลักสูตรที่สนใจและต้องการให้ฝึกอบรมเบื้องต้น ได้แก่ หลักสูตรด้านการนวดไทย การทำอาหาร การทำขนม และงานที่เป็นทักษะด้านหัตถกรรม นายเดชา กล่าวต่อว่า ในการส่งเสริมและพัฒนาทักษะให้แก่กลุ่มเปราะบางนั้น กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีเป้าหมายดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2568 มีเป้าหมายในการพัฒนาทักษะให้แก่คนพิการและครอบครัว จำนวน 600 คน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการแบ่งเป้าหมายไปให้จังหวัดเพื่อดำเนินการ โดยในปีนี้ มุ่งเน้นกับการฝึกทักษะที่จำเป็นและสามารถส่งเสริมให้คนพิการและครอบครัวที่ผ่านการอบรมแล้วมีงานทำ หรือสามารถป้อนเข้าสู่สถานประกอบกิจการที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่พักอาศัยเพื่อลดปัญหาเรื่องการเดินทาง เป็นการแก้ไขปัญหาทั้งการประกอบอาชีพของคนพิการและครอบครัว และสถานประกอบกิจการที่ต้องการจ้างคนพิการเข้าทำงานซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงสามารถนำค่าจ้างคนพิการไปใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีตามระบบการยื่นภาษีนิติบุคคลได้ด้วย ดังนั้น กลุ่มเปราะบางเหล่านี้ควรได้รับโอกาสอย่างทั่วถึง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เร่งจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมที่เหมาะสมกับการฝึกอบรมของผู้พิการ รวมถึงผู้พิการทางสายตาด้วย เพื่อเป็นการส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ผู้พิการได้มีทักษะสามารถนำไปประกอบอาชีพหรือเพิ่มโอกาสในการจ้างงานต่อไป จึงยินดีที่จะให้การสนับสนุนตามภารกิจของกรมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมและเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ดังนั้น ผู้ดูแลคนพิการ บุคคลในครอบครัวที่ต้องดูแลคนพิการ หรือผู้พิการเองที่ต้องการประกอบอาชีพ ให้แจ้งความประสงค์เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ โดยแจ้งความประสงค์ได้ที่เว็บไซต์ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่ลิ้ง DSD Training Needs Survey หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือกองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ 0 2245 4035

พก. เร่งขับเคลื่อนนโยบายการจ้างงานคนพิการตามที่กฎหมายกำหนด ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจคนพิการที่ทำงานในสถานประกอบการ

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) เร่งขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐ สนับสนุนให้คนพิการมีงานทำมากขึ้น โดยลงพื้นที่เยี่ยมคนพิการที่ทำงานในสถานประกอบการของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาจำนวนเด็กเกิดใหม่ลดน้อยลง ในทางตรงกันข้ามเรามีผู้สูงอายุมากขึ้น ดังนั้นจำนวนคนที่อยู่ในวัยแรงงานจะน้อยลง การที่จะส่งเสริมให้มีการจ้างงานคนพิการที่มีศักยภาพและมีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนกว่าคนปกตินั้นเป็นเป้าหมายของกระทรวง พม. พก. ที่ขอความร่วมมือไปยังทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเร่งดำเนินการจ้างงานคนพิการให้ครบถ้วนตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนด

รู้ว่าคนอื่นพูดอะไร “แว่นตา” สร้างคำบรรยายเพื่อคนพิการทางการได้ยิน

หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีหลายคนพูดคุยกัน เป็นเรื่องยากสำหรับคนพิการทางการได้ยิน เนื่องจากต้องพยายามแยกให้ออกว่าใครกำลังพูดอะไรอยู่ กลายเป็นไอเดียให้กับนักวิจัยในการรังสรรค์ “แว่นตา” ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยจะสร้างคำบรรยายแบบเรียลไทม์แก่ผู้สวมใส่แบบแยกคนพูดได้ด้วย โดยแว่นตานี้ได้รับการพัฒนาโดยทีมวิศวกรและนักออกแบบจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง รวมถึง Nirbhay Narang นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวกำลังถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ผ่านบริษัท AirCaps

‘วราวุธ’เผย พม.จับมือ องค์การสวนสัตว์ฯ MOU เปิดโอกาส คนพิการ-ผู้สูงอายุ เรียนรู้นอกสถานที่

“วราวุธ” เผย พม. จับมือ องค์การสวนสัตว์ฯ MOU เปิดโอกาส คนพิการ-ผู้สูงอายุ เรียนรู้นอกสถานที่ หนุน จ้างงาน-จำหน่ายผลิตภัณฑ์ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวง พม. เตรียมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย ร่วมกับ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวันที่ 18 พ.ย. นี้ ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาเรียนรู้นอกสถานที่ ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในความดูแลของกระทรวง พม. อาทิ เด็ก คนพิการ และผู้สูงอายุ โดย พม. สนับสนนุนให้กลุ่มเป้าหมาย ได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้ในทุกรูปแบบที่สวนสัตว์ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การสวนสัตว์ฯ และร่วมสนับสนุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป้าหมายสำหรับวางจำหน่ายในพื้นที่ของสวนสัตว์ พร้อมทั้งพิจารณาคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในความดูแลของกระทรวง พม. ที่มีคุณสมบัติตามที่องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยกำหนด เพื่อเข้ารับการฝึกอาชีพ และการจ้างงาน นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ขณะที่ องค์การสวนสัตว์ฯ จะสนับสนุนเรื่องค่าเข้าชมและการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของสวนสัตว์ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การสวนสัตว์ฯ ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในความดูแลของ พม. พร้อมทั้งจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้เหมาะสมสำหรับกลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัย ที่เข้าร่วมกิจกรรมของสวนสัตว์ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ นอกจากนี้ ทางสวนสัตว์จะสนับสนุนเรื่องพื้นที่ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. และส่งเสริมการฝึกอาชีพและการจ้างงานในพื้นที่ของสวนสัตว์ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ เป็นต้น..

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ‘วันคนพิการแห่งชาติ’

วันคนพิการแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน ซึ่งในปี 2567 นั้นตรงกับวันที่ 9 พฤศจิกายน ถึงแม้ว่าคนพิการ จะเป็นกลุ่มคนที่มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิต เนื่องมาจากความบกพร่องของร่างกาย แต่บุคคลเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาสังคมได้ อย่างเช่นที่เห็นได้จากการที่ผู้พิการชาวไทยหลายคนได้ประสบความสำเร็จระดับโลก ซึ่งวันนี้ถือได้ว่าเป็นวันของผู้พิการ เป็นวันที่พวกเขาจะได้แสดงให้โลกได้เห็นว่า แม้ร่างกายจะไม่พร้อม แต่ศักยภาพของเขาก็มีอยู่เต็มเปี่ยมไม่แพ้คนปกติทั่วไป สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของคนพิการว่า พวกเขาต่างมีความสามารถ และควรได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงได้ กำหนดให้ทุกวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน เป็น “วันคนพิการแห่งชาติ” เพื่อเปิดโอกาสให้คนพิการในประเทศไทยได้พบปะ พูดคุย และแสดงความสามารถ ให้บุคคลทั่วไปได้รับรู้ถึงศักยภาพของคนพิการที่มีไม่แพ้คนปกติทั่วไป รวมถึงเพื่อให้ผู้พิการไทยได้เรียนรู้ถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยรักษา บำบัด ป้องกันและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการให้สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างปกติสุข นอกจากนี้ “วันคนพิการแห่งชาติ” ยังถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้คนทั่วไปได้ตระหนักถึงความสำคัญและการสนับสนุนทั้งในด้านคุณภาพชีวิต รวมทั้งช่วยเหลือฟื้นฟูสุขภาพจิตของผู้พิการ เพื่อให้คนทั่วไปไม่รู้สึกว่าความพิการเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตแต่อย่างใด

พม.ตั้งงบฯ ปี 68 ให้ พอช.สร้างบ้านราคาถูก ซ่อมบ้านคนพิการ-สูงอายุ

“วราวุธ” ชี้ พม. ตั้งเป้างบฯ ปี 2568 พัฒนาที่อยู่อาศัยราคาถูก ช่วยผู้มีรายได้น้อย-ซ่อมแซมบ้านคนพิการ-ผู้สูงอายุ วันนี้ (15 ต.ค.2567) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม. ว่า ผู้มีรายได้น้อย นับเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่ง ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ให้ความสำคัญ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีและมั่นคง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย ซึ่ง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) มีแนวทางการแก้ไขปัญหาสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยมุ่งเน้นให้ชุมชนเป็นแกนหลักในการพัฒนา และประสานการทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ภายใต้แผนพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท เช่น โครงการบ้านมั่นคง โครงการบ้านพอเพียง และโครงการสวัสดิการที่อยู่อาศัยราคาถูก เพื่อช่วยเหลือครัวเรือนที่อยู่ในชุมชนแออัด ชุมชนบุกรุกไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยทั้งในพื้นที่เมืองและชนบท รวมถึงกลุ่มคนไร้บ้าน กลุ่มแรงงานรายวัน หรือกลุ่มที่เพิ่งเข้าเมืองมาหางานทำ ที่เข้าไม่ถึงแหล่งที่พักอาศัยในเมือง ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2568 กระทรวง พม. ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล ให้ดำเนินการ พัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท จำนวน 20,920 หลังคาเรือน (ทั้งที่จากการสำรวจมีความต้องการถึง 82,695 หลังคาเรือน) อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560-2567 ได้ดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 199,386 หลังคาเรือน อาทิ โครงการบ้านมั่นคง โครงการบ้านพอเพียง โครงการบ้านมั่นคงชุมชนริมคลองเปรมประชากรและคลองลาดพร้าว และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง สำหรับโครงการสวัสดิการที่อยู่อาศัยราคาถูก ของ พอช. ที่ดำเนินการภายใต้แนวคิดการออกแบบที่ครอบคลุมทุกมิติ คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยหลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมทั้งสร้างรายได้และอาชีพเสริมให้แก่ผู้เช่า ได้แก่ กลุ่มแรงงานรายวัน คนพิการที่ช่วยเหลือตนเองได้ ผู้สูงอายุ ผู้ที่กำลังหางานทำ และนักศึกษาจบใหม่ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย โดยมีเป้าหมาย 100 หลังคาเรือน ภายในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งปัจจุบัน มีการนำร่องใน 2 พื้นที่ ได้แก่ 1.อาคารสวัสดิการที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการคนจน เลียบวารี 79 เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร บนพื้นที่ 2 ไร่ มีห้องพัก จำนวน 14 ห้อง มีห้องน้ำส่วนตัว แบ่งออกเป็นขนาดห้อง 16 ตร.ม. ค่าเช่าเดือนละ 1,500 บาท และขนาดห้อง 6 ตร.ม. ค่าเช่าเดือนละ 1,200 บาท โดยภายในบริเวณที่พักจัดให้มีห้องประชุมและพื้นที่สีเขียว สำหรับเป็นพื้นที่กลางของทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน และพักผ่อนหย่อนใจ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาผู้เข้าพักอาศัย 2.ศูนย์คนไร้บ้าน บ้านพูนสุข จ.ปทุมธานี ดำเนินการร่วมกับมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย สมาคมคนไร้บ้าน โดยออกแบบห้องพักให้สอดคล้องกับลักษณะของคนไร้บ้าน ในพื้นที่ 99 ตร.ม. มีห้องพัก จำนวน 5 ห้อง ขนาด 11 ตร.ม. ห้องน้ำรวมแยกชาย-หญิง ค่าเช่าเดือนละ 1,800 บาท ขณะนี้ มีผู้เข้าพักอาศัยครบแล้ว นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ 2568 กระทรวง พม. ได้ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเปราะบาง ได้แก่ 1.โครงการปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้สูงอายุให้เหมาะสมและปลอดภัย โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ มีเป้าหมาย 13,000 หลังคาเรือน และ 2.โครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มีเป้าหมาย 7,061 หลังคาเรือน อีกทั้งการเคหะแห่งชาติ กระทรวง พม. ยังได้ดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งประเภทขายและเช่า โดยในปีงบประมาณ 2568 มีเป้าหมาย 2,719 หลังคาเรือน และโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง โดยมีเป้าหมาย ปี 2568-2570 รวม 1,247 หลังคาเรือน แบ่งเป็นโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง อาคาร A1 จำนวน 635 หน่วย และอาคาร D2 จำนวน 612 หน่วย

‘วราวุธ’เดินหน้า เร่งเติมภาษามือ ช่วยเหลือผู้พิการ หูหนวก4แสนคน

“วราวุธ” เปิดงานวันภาษามือโลกและงานสัปดาห์หูหนวกโลก2567 ชี้ไม่ได้รู้สึกว่าคนหูหนวกเป็นคนพิการ แค่มีวิธีสื่อสารที่ต่างจากบุคคลทั่วไป เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่เดอะสตรีท (The Street) รัชดา กรุงเทพฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันภาษามือโลกและงานสัปดาห์หูหนวกโลก ประจำปี 2567 ภายใต้หัวข้อ “Sign Up for Sign Language Right” ร่วมรณรงค์เพื่อสิทธิของผู้ใช้ภาษามือ โดยมี นายวิทยุต บุนนาค นายกสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และคณะผู้บริหารสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย ผู้แทนภาคีเครือข่ายคนพิการ เข้าร่วมงาน นายวราวุธ กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญต่อการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง อาทิ คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อย เพื่อสร้างความเสมอภาคและความเท่าเทียมในสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ ขจัดการเลือกปฏิบัติ เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสร้างเสริมโอกาสให้คนทุกกลุ่ม รวมถึงคนพิการหูหนวกและคนหูตึงได้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการและบริการของรัฐ และที่สำคัญคือการสร้างเสริมศักยภาพคนพิการหูหนวก และสร้างความเข้มแข็งขององค์กรคนหูหนวก ภายใต้นโยบายและทรัพยากรของรัฐที่เอื้ออำนวยให้คนพิการหูหนวกและคนหูตึง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเสมอภาคกับทั่วไปในสังคม ทั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล ตลอดจนกระทรวง พม. ในฐานะหน่วยงานหลักในการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านคนพิการ ด้วยการให้ความสำคัญต่องานพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการทุกด้าน สำหรับคนพิการหูหนวกมีการจัดให้มีสิทธิ สวัสดิการ และความช่วยเหลือต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิต ได้แก่ เบี้ยความพิการ การจัดบริการล่ามภาษามือทั่วประเทศ การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการหูหนวก การสนับสนุนความเข้มแข็งขององค์กรคนพิการหูหนวก และการพัฒนาศักยภาพคนพิการหูหนวก การจัดงบประมาณสนับสนุนโครงการต่างๆ ขององค์กรคนพิการหูหนวกทุกจังหวัดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเสมอมา อีกทั้งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนทุกกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการหูหนวกและคนหูตึงในอนาคต นายวราวุธ กล่าวว่า งานวันนี้ประเทศไทยจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองงานวันภาษามือโลกและงานสัปดาห์หูหนวกโลกเช่นเดียวกับนานาประเทศทั่วโลก ขอสนับสนุนการจัดงานของสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย ที่ตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนอีกกลุ่มหนึ่งในสังคม ให้สามารถแสดงอัตลักษณ์ของกลุ่มคนที่มีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง ทำให้ได้มีโอกาสสัมผัสโลกของคนพิการหูหนวก ได้เรียนรู้พลัง ความสามารถ ศักยภาพ และมุมมองของคนพิการหูหนวกผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย นอกจากนี้ งานวันนี้ สามารถเป็นต้นแบบของการจัดการเข้าถึงระหว่างคนทั่วไปกับคนพิการหูหนวก ที่เกิดจากความพยายามเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและลดอุปสรรคในการสื่อสาร เพื่อพิสูจน์ว่าคนพิการหูหนวกมีความสามารถจัดทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเองผ่านกิจกรรม อาทิ การแสดง การประกวดภาษามือ ความสามารถด้านการทำงานวิชาการ การออกบูธแสดงผลงานและความสามารถในการประกอบอาชีพ นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านที่ได้เห็นความสามารถ และศักยภาพของคนพิการหูหนวก จะสามารถบอกเล่า ถ่ายทอด และเผยแพร่ให้คนในสังคมได้รับรู้และเข้าใจ ตระหนัก และเคารพสิทธิคนพิการหูหนวก และสิทธิในการใช้ภาษามือ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมเฉพาะ รวมทั้งสามารถประยุกต์ใช้ในการทำงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ของท่าน เพื่อร่วมกันยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการหูหนวก และหวังว่าคนพิการหูหนวกที่มาร่วมงานจะมีความสุขในการเผยแพร่ความภาคภูมิใจในการเป็นคนพิการหูหนวก การมีภาษามือไทย รวมถึงการแสดงศักยภาพของท่านให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน และมีกำลังใจในการพัฒนาศักยภาพตนเองและประเทศ นายวราวุธ กล่าวว่า ขอบคุณที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานวันภาษามือโลกและงานสัปดาห์หูหนวกโลก ประจำปี 2567 ทำให้ได้เห็นศักยภาพของพี่น้องคนหูหนวก ตนไม่ได้รู้สึกว่าพี่น้องคนหูหนวกเป็นคนพิการ เพียงแต่มีวิธีสื่อสารที่ต่างกันออกไปจากบุคคลทั่วไป ในทางตรงกันข้ามพี่น้องคนหูหนวกนั้นมีศักยภาพในการทำงานมากกว่าคนปกติเสียด้วยซ้ำ ได้เปรียบในการทำงานบางพื้นที่และในบางงาน ซึ่งตั้งแต่ตนได้มีโอกาสมาทำงานเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ได้ตั้งเป้าว่าเราจะต้องช่วยกันพัฒนาภาษามือของไทย ทำให้คนไทยรวมถึงพี่น้องคนพิการและพี่น้องคนหูหนวกนั้น ได้เข้าใจภาษามือมากขึ้น เพราะวันนี้พี่น้องคนหูหนวกหรือพิการทางการได้ยิน มีอยู่ประมาณ 4 แสนกว่าคน แต่ใน 4 แสนกว่าคนนั้น มีคนเข้าใจภาษามือเพียงแค่ 1 แสนคนเท่านั้น ดังนั้นยังเหลืออีกประมาณ 3 แสนกว่าคน ที่จำเป็นต้องเรียนรู้และสื่อสารกับคนภายนอก และเมื่อทำได้อย่างนั้น พี่น้องคนหูหนวกจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย พัฒนาเศรษฐกิจไทย เพราะวันนี้คำว่าความสำเร็จทางธุรกิจ ไม่ได้แปลว่ามีกำไรมากอีกต่อไป แต่หมายถึงการพัฒนาธุรกิจไปข้างหน้า ทำให้สังคมเดินไปข้างหน้า โดยที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เดินไปพร้อมๆ กัน เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนโดยแท้จริง การได้มีโอกาสมางานในวันนี้ต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวหูหนวกทุกท่าน ที่ทำให้วันเสาร์ของตนนี้เป็นวันที่มีพลังในการทำงาน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความรู้สึกเหล่านี้จะถ่ายทอดไปยังทุกท่านและผู้ที่ได้อ่านข่าวนี้ทุกๆ คน มาเป็นกำลังและมาช่วยกันส่งเสริมภาษามือให้กับพี่น้องคนไทยทุกคน

TOP มอบเงินสนับสนุนสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย มุ่งผลักดันวงการกีฬาคนพิการสู่ระดับสากล

นายถิรยุทธ ลิมานนท์ ผู้จัดการฝ่ายกิจการสัมพันธ์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เป็นตัวแทนมอบเงินสนับสนุนให้กับสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในโอกาสงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ที่ผ่านการแข่งขันมหกรรมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยมีนายไมตรี คงเรือง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้รับมอบ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาคนพิการไทย สำหรับการสนับสนุนในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งในความตั้งใจของกลุ่มไทยออยล์ในการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจต่อสังคม ผ่านการสนับสนุนโอกาสทางการกีฬาแก่นักกีฬาผู้พิการไทย และพัฒนาศักยภาพนักกีฬาคนพิการให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ตามวิสัยทัศน์องค์กร “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน”

เปิดขั้นตอนง่ายๆ ขึ้นทะเบียนบัตรคนพิการรอรับเงินหมื่น หลังรัฐบาลขยายเวลาถึง 3 ธันวาคม

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลขยายเวลาลงทะเบียนให้กับคนพิการทุกคนทั่วประเทศ ไปจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. 2567 เพื่อที่จะได้รับสิทธิในการรับเงิน 10,000 บาท กระทรวง พม. โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชนทั่วประเทศโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หรือที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นคนพิการ ขอให้เร่งมาขึ้นทะเบียน ออกบัตรประจำตัวคนพิการ เพื่อที่จะรักษาสิทธิในการรับเงิน 10,000 บาท โดยขณะนี้มีผู้พิการที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกว่า 2 ล้านคน จึงขอให้รีบขึ้นทะเบียนด่วน ดูขั้นตอนการขึ้นทะเบียนทางออนไลน์แบบง่ายๆ ได้จากลิงก์นี้ https://sites.google.com/view/pwd-card/index... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/3886216/ หรือติดต่อโรงพยาบาลศูนย์ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพราะในขณะนี้ กระทรวง พม. ได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ในการขึ้นทะเบียนออกบัตรประจำตัวคนพิการ ให้มีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยโรงพยาบาลศูนย์ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ คนพิการสามารถไปที่โรงพยาบาลศูนย์ เพื่อขึ้นทะเบียนออกบัตรประจำตัวคนพิการได้เป็นวันสต็อปเซอร์วิส ส่วนบางจังหวัดที่ยังดำเนินการไม่ได้ ขอให้เร่งไปขึ้นทะเบียน ทางเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. จะเร่งประสานงานเพื่อออกบัตรประจำตัวคนพิการให้กับพี่น้องคนพิการทุกคน เพื่อรักษาสิทธิในการรับเงิน 10,000 บาท... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/3886216/

เปิดตัวแพลตฟอร์ม ทำบัตรประจำตัวคนพิการ จ่อให้บริการที่เดียวถึงจ่ายเบี้ย

พม.จับมือกับ สธ. เปิดตัวแพลตฟอร์มออกเอกสารรับรองความพิการ สามารถออกบัตรได้เลยที่โรงพยาบาลไม่ต้องเดินทางซ้ำซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่าย ด้าน “วราวุธ“ เร่งเจรจาหน่วยงานรัฐ หนุนให้เป็นบริการแบบจุดเดียวจบครบถึงการจ่ายเบี้ย วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดงานเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการ แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการรวมเอา “การออกเอกสารรับรองความพิการของแพทย์ทางอิเล็คทรอนิกส์” ของกระทรวงสาธารณสุข กับ ฐานข้อมูลคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อ “ขอมีบัตรคนพิการ” เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้คนพิการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย อีกทั้งนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของหน่วยงานด้านสุขภาพ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้งาน นำไปสู่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลอื่น ๆ ในอนาคต

เปิดตัวแพลตฟอร์ม ทำบัตรประจำตัวคนพิการ จ่อให้บริการที่เดียวถึงจ่ายเบี้ย

พม.จับมือกับ สธ. เปิดตัวแพลตฟอร์มออกเอกสารรับรองความพิการ สามารถออกบัตรได้เลยที่โรงพยาบาลไม่ต้องเดินทางซ้ำซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่าย ด้าน “วราวุธ“ เร่งเจรจาหน่วยงานรัฐ หนุนให้เป็นบริการแบบจุดเดียวจบครบถึงการจ่ายเบี้ย วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดงานเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการ แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการรวมเอา “การออกเอกสารรับรองความพิการของแพทย์ทางอิเล็คทรอนิกส์” ของกระทรวงสาธารณสุข กับ ฐานข้อมูลคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อ “ขอมีบัตรคนพิการ” เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้คนพิการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย อีกทั้งนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของหน่วยงานด้านสุขภาพ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้งาน นำไปสู่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลอื่น ๆ ในอนาคต

เปิดตัวแพลตฟอร์ม ทำบัตรประจำตัวคนพิการ จ่อให้บริการที่เดียวถึงจ่ายเบี้ย

พม.จับมือกับ สธ. เปิดตัวแพลตฟอร์มออกเอกสารรับรองความพิการ สามารถออกบัตรได้เลยที่โรงพยาบาลไม่ต้องเดินทางซ้ำซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่าย ด้าน “วราวุธ“ เร่งเจรจาหน่วยงานรัฐ หนุนให้เป็นบริการแบบจุดเดียวจบครบถึงการจ่ายเบี้ย วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดงานเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการ แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการรวมเอา “การออกเอกสารรับรองความพิการของแพทย์ทางอิเล็คทรอนิกส์” ของกระทรวงสาธารณสุข กับ ฐานข้อมูลคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อ “ขอมีบัตรคนพิการ” เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้คนพิการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย อีกทั้งนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของหน่วยงานด้านสุขภาพ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้งาน นำไปสู่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลอื่น ๆ ในอนาคต

เปิดตัวแพลตฟอร์ม ทำบัตรประจำตัวคนพิการ จ่อให้บริการที่เดียวถึงจ่ายเบี้ย

พม.จับมือกับ สธ. เปิดตัวแพลตฟอร์มออกเอกสารรับรองความพิการ สามารถออกบัตรได้เลยที่โรงพยาบาลไม่ต้องเดินทางซ้ำซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่าย ด้าน “วราวุธ“ เร่งเจรจาหน่วยงานรัฐ หนุนให้เป็นบริการแบบจุดเดียวจบครบถึงการจ่ายเบี้ย วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดงานเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการ แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการรวมเอา “การออกเอกสารรับรองความพิการของแพทย์ทางอิเล็คทรอนิกส์” ของกระทรวงสาธารณสุข กับ ฐานข้อมูลคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อ “ขอมีบัตรคนพิการ” เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้คนพิการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย อีกทั้งนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของหน่วยงานด้านสุขภาพ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้งาน นำไปสู่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลอื่น ๆ ในอนาคต

เปิดตัวแพลตฟอร์ม ทำบัตรประจำตัวคนพิการ จ่อให้บริการที่เดียวถึงจ่ายเบี้ย

พม.จับมือกับ สธ. เปิดตัวแพลตฟอร์มออกเอกสารรับรองความพิการ สามารถออกบัตรได้เลยที่โรงพยาบาลไม่ต้องเดินทางซ้ำซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่าย ด้าน “วราวุธ“ เร่งเจรจาหน่วยงานรัฐ หนุนให้เป็นบริการแบบจุดเดียวจบครบถึงการจ่ายเบี้ย วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดงานเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการ แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการรวมเอา “การออกเอกสารรับรองความพิการของแพทย์ทางอิเล็คทรอนิกส์” ของกระทรวงสาธารณสุข กับ ฐานข้อมูลคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อ “ขอมีบัตรคนพิการ” เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้คนพิการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย อีกทั้งนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของหน่วยงานด้านสุขภาพ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้งาน นำไปสู่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลอื่น ๆ ในอนาคต

เปิดตัวแพลตฟอร์ม ทำบัตรประจำตัวคนพิการ จ่อให้บริการที่เดียวถึงจ่ายเบี้ย

พม.จับมือกับ สธ. เปิดตัวแพลตฟอร์มออกเอกสารรับรองความพิการ สามารถออกบัตรได้เลยที่โรงพยาบาลไม่ต้องเดินทางซ้ำซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่าย ด้าน “วราวุธ“ เร่งเจรจาหน่วยงานรัฐ หนุนให้เป็นบริการแบบจุดเดียวจบครบถึงการจ่ายเบี้ย วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดงานเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการ แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการรวมเอา “การออกเอกสารรับรองความพิการของแพทย์ทางอิเล็คทรอนิกส์” ของกระทรวงสาธารณสุข กับ ฐานข้อมูลคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อ “ขอมีบัตรคนพิการ” เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้คนพิการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย อีกทั้งนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของหน่วยงานด้านสุขภาพ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้งาน นำไปสู่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลอื่น ๆ ในอนาคต

เปิดตัวแพลตฟอร์ม ทำบัตรประจำตัวคนพิการ จ่อให้บริการที่เดียวถึงจ่ายเบี้ย

พม.จับมือกับ สธ. เปิดตัวแพลตฟอร์มออกเอกสารรับรองความพิการ สามารถออกบัตรได้เลยที่โรงพยาบาลไม่ต้องเดินทางซ้ำซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่าย ด้าน “วราวุธ“ เร่งเจรจาหน่วยงานรัฐ หนุนให้เป็นบริการแบบจุดเดียวจบครบถึงการจ่ายเบี้ย วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดงานเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการ แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการรวมเอา “การออกเอกสารรับรองความพิการของแพทย์ทางอิเล็คทรอนิกส์” ของกระทรวงสาธารณสุข กับ ฐานข้อมูลคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อ “ขอมีบัตรคนพิการ” เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้คนพิการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย อีกทั้งนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของหน่วยงานด้านสุขภาพ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้งาน นำไปสู่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลอื่น ๆ ในอนาคต

เปิดตัวแพลตฟอร์ม ทำบัตรประจำตัวคนพิการ จ่อให้บริการที่เดียวถึงจ่ายเบี้ย

พม.จับมือกับ สธ. เปิดตัวแพลตฟอร์มออกเอกสารรับรองความพิการ สามารถออกบัตรได้เลยที่โรงพยาบาลไม่ต้องเดินทางซ้ำซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่าย ด้าน “วราวุธ“ เร่งเจรจาหน่วยงานรัฐ หนุนให้เป็นบริการแบบจุดเดียวจบครบถึงการจ่ายเบี้ย วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดงานเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการ แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการรวมเอา “การออกเอกสารรับรองความพิการของแพทย์ทางอิเล็คทรอนิกส์” ของกระทรวงสาธารณสุข กับ ฐานข้อมูลคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อ “ขอมีบัตรคนพิการ” เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้คนพิการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย อีกทั้งนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของหน่วยงานด้านสุขภาพ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้งาน นำไปสู่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลอื่น ๆ ในอนาคต

เปิดตัวแพลตฟอร์ม ทำบัตรประจำตัวคนพิการ จ่อให้บริการที่เดียวถึงจ่ายเบี้ย

พม.จับมือกับ สธ. เปิดตัวแพลตฟอร์มออกเอกสารรับรองความพิการ สามารถออกบัตรได้เลยที่โรงพยาบาลไม่ต้องเดินทางซ้ำซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่าย ด้าน “วราวุธ“ เร่งเจรจาหน่วยงานรัฐ หนุนให้เป็นบริการแบบจุดเดียวจบครบถึงการจ่ายเบี้ย วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดงานเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจประเมินและออกเอกสารรับรองความพิการ แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการรวมเอา “การออกเอกสารรับรองความพิการของแพทย์ทางอิเล็คทรอนิกส์” ของกระทรวงสาธารณสุข กับ ฐานข้อมูลคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อ “ขอมีบัตรคนพิการ” เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้คนพิการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย อีกทั้งนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของหน่วยงานด้านสุขภาพ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้งาน นำไปสู่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลอื่น ๆ ในอนาคต